โรคท้องร่วง ปัญหาสุขภาพใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

ท้องร่วง หรือท้องเสีย เป็นอาการที่พบได้บ่อย และเป็นได้แทบทุกคน ซึ่งแม้ไม่ใช่โรคร้าย แต่สามารถก่อให้เกิดความไม่สบายกาย หรือไม่สบายตัวได้ โดยท้องร่วง หรือท้องเสีย จะปรากฎในรูปแบบอาการอุจจาระเหลว ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ หรือขับถ่ายบ่อยกว่าปกติ ซึ่งแพทย์เฉพาะทางของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ VitalLife Scientific Wellness Center มีคำแนะนำในการฟื้นฟูและป้องกันอาการท้องร่วงให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างยั่งยืน

ท้องร่วง หรือท้องเสีย แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ท้องร่วงชนิดรุนแรง และท้องร่วงชนิดเรื้อรัง โดยท้องร่วงเรื้อรัง
มักจะมีอาการต่อเนื่องมากกว่า 4 สัปดาห์และมีความจำเป็นต้องพบแพทย์ ซึ่งสาเหตุของอาการท้องร่วงเรื้อรังอาจมาจากโรคโครห์น โรคเซลิแอค (โรคที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อกลูเตน) ส่วนท้องร่วงชนิดรุนแรง อาการอาจทุเลาลง และค่อย ๆ หายได้เอง ภายใน 1 สัปดาห์ หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม หรือบางรายอาจจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

อาการของท้องร่วงเรื้อรัง อาจส่งผลให้ลำไส้แปรปรวน เช่น ขับถ่ายไม่เป็นเวลา หรือขับถ่ายบ่อยครั้ง โดยความถี่อาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการท้องร่วง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าท้องร่วงจะเป็นอาการของระบบขับถ่ายที่พบได้บ่อย แต่หากป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ก็เป็นสิ่งที่ควรจะดูแล ซึ่งแพทย์ชำนาญการศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ สามารถวิเคราะห์สาเหตุของอาการท้องร่วง และแนะนำการฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

สาเหตุของอาการท้องร่วง

อาการท้องร่วงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ อาจเกิดจาก
1.ยารักษาโรค - ยารักษาโรคบางประเภทอาจก่อให้อาการท้องร่วง อาทิ ยาระบาย ยาลดกรด ยาปฏิชีวนะ และยาเคมีบำบัด เป็นต้น หากคุณมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงกับยา อาจส่งผลให้เกิดอาการท้องร่วงได้
2.การติดเชื้อไวรัส - อาการติดเชื้อไวรัส อาทิ อาการติดเชื้อไกอาเดีย สามารถเกิดหลังจากรับประทานอาหารและน้ำดื่ม ที่มีการปนเปื้อน การรับประทานอาหารที่ปรุงอย่างไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ที่มีอาการยาวนานถึง 4 สัปดาห์หรือน้อยกว่า หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
3.การดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มคาเฟอีนในปริมาณมาก – การลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มคาเฟอีน ช่วยป้องกันอาการท้องร่วงได้
4.ปัญหาระบบย่อยอาหาร - ระบบย่อยอาหารอาจก่อตัวเป็นสาเหตุของโรค เช่น โรคเซลิแอค (โรคที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อกลูเตน) ภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสบกพร่อง หรือตับอ่อนไม่สามารถผลิตเอนไซม์สำหรับย่อยอาหารในปริมาณที่เพียงพอได้
5.การผ่าตัด - การผ่าตัดลำไส้อาจก่อให้เกิดภาวะลำไส้สั้นได้
6.การผ่าตัดถุงน้ำดี - เมื่อตัดถุงน้ำดีออก อาจส่งผลให้น้ำดีส่วนเกินอยู่ภายในลำไส้ ส่งผลให้อุจจาระมีส่วนผสมของเหลวปน
7.ฮอร์โมนผิดปกติ หมายรวมถึงโรคต่อมหมวกไต เบาหวาน และโรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ


หากคุณคิดว่าอาการเล่านี้ ส่งผลให้คุณมีอาการท้องร่วงเรื้อรัง ควรรับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารและลำไส้ของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เราพร้อมมอบการฟื้นฟูอาการท้องร่วงด้วยวิธีดังต่อไปนี้

• การรักษาโดยให้สารอาหารทางหลอดเลือด
• โภชนเภสัช
• การตรวจระดับสารอาหารรองในร่างกาย
• การตรวจภาวะภูมิแพ้อาหารแฝง
• การตรวจสุขภาวะลำไส้
• การตรวจทางพยาธิวิทยา

 
หากคุณกำลังเผชิญปัญหาท้องร่วงเรื้อรัง แพทย์จะแนะนำและเลือกวิธีตรวจและฟื้นฟูที่เหมาะสมตามอาการ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง อันนำมาสู่แนวทางการฟื้นฟูที่เหมาะสมสำหรับการสร้างสุขภาวะที่ดีและยืนยาวสำหรับลำไส้

นัดหมายแพทย์เฉพาะทางเพื่อฟื้นฟุภาวะท้องร่วงรุนแรง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเกี่ยวเกี่ยวกับ อาการท้องร่วงเรื้อรังได้ที่หมายเลข 02-066-8899