ต้องการความช่วยเหลือ ค้นหาได้เลย

6 ทางลัดเมื่อ “น้องชาย” เริ่มไม่สู้
6 ทางลัดเมื่อ “น้องชาย” เริ่มไม่สู้
  • สาเหตุของการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ได้แก่ การขาดฮอร์โมนหรือฮอร์โมนเพศไม่สมดุล การกินยาบางชนิด ความผิดปกติของหลอดเลือด โรคประจำตัว การสูบบุหรี่และโรคพิษสุราเรื้อรังรวมถึงการใช้สารเสพติด ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และปัญหาชีวิตคู่
  • การกระตุ้นด้วย shock wave จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลล์ต้นกำเนิดที่อยู่รอบผนังเส้นเลือดของอวัยวะเพศชายเกิดการแบ่งตัวและขยายตัว ทำให้เส้นเลือดแข็งแรงและการไหลเวียนของเส้นเลือดดีขึ้น ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้
  • การรักษาปัญหาหย่อนสมรรถภาพหรือนกเขาไม่ขัน (Erectile Dysfunction) ต้องทำการรักษาแบบองค์รวม คือการดูแลทุกระบบที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน สมองและหลอดเลือด ไม่ควรพึ่งยาเพียงอย่างเดียว
ความผิดปกติทางเพศส่งผลกระทบต่อผู้ชายทุกวัย แต่พบได้บ่อยในวัยสูงอายุ ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ได้แก่ ความผิดปกติของการหลั่ง หลั่งเร็ว หลั่งช้า และการหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือนกเขาไม่ขัน การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องรักษาที่ต้นเหตุ ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ “น้องชาย” ไม่สู้ ก็คือ “ฮอร์โมน” โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศ ซึ่งหากเกิดการขาดฮอร์โมนหรือฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ระบบต่าง ๆ จะเสียไป
ซึ่งนอกจากฮอร์โมนแล้ว ยังมีสาเหตุทางกายภาพอื่น ๆ อีก ได้แก่ การกินยาบางชนิด เช่น ยาแก้ซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต มีความผิดปกติของหลอดเลือดเช่น มีการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง หรือโรคประจำตัวบางโรค เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองหรือเส้นประสาทถูกทำลายจากโรคเบาหวานหรือการผ่าตัด การสูบบุหรี่และโรคพิษสุราเรื้อรัง รวมถึงการใช้สารเสพติดก็ล้วนเป็นสาเหตุได้เช่นกัน
ปัญหาทางด้านจิตใจและสุขภาพจิตก็ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหากับน้องชายได้ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวลจากการทำงาน ภาวะซึมเศร้า รวมถึงปัญหาความสัมพันธ์กับคนรัก หรือปัญหาชีวิตคู่


6 ทางลัด ฟื้นฟูปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

     1.การปรับสมดุลฮอร์โมน
ในผู้ชายที่อายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป ฮอร์โมนเพศมักจะลดลง หากลดลงมากอาจจำเป็นต้องเสริมฮอร์โมนธรรมชาติเพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชาย ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหากอายุเกิน 50 ปี ขึ้นไป คนส่วนใหญ่ ฮอร์โมนเพศชายจะตกลงจนเกือบจะไม่ทำงาน (อายุ 40 ปีขึ้นไป ฮอร์โมนเพศชายจะตกลงปีละประมาณ 1%) และหากฮอร์โมนเพศชายตกเกิน 10% อาการต่าง ๆ จะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ การใช้งานร่างกายหนักเกินไปและการขาดการดูแลร่างกาย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฮอร์โมนเพศชายตก บางรายอาจเกิดขึ้นในวัย 20 ปลาย ๆ  หากเกิดปัญหานี้ตั้งแต่อายุยังน้อย อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ หากตรวจพบภาวะต่อมหมวกไตล้า จำเป็นต้องเสริมฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต เพื่อให้สร้างฮอร์โมนเพศชายมากขึ้น หรืออาจต้องให้วิตามินดี เพื่อกระตุ้นการสร้างฮอร์โมน หากแพทย์ซักประวัติแล้วพบว่ารับประทานอาหารได้ไม่ครบถ้วน เพราะวิตามินดีและสังกะสี ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการสร้างฮอร์โมนเพศชายเช่นกัน หรือหากมีประวัติกินยาลดไขมัน แพทย์อาจจะให้ Coenzyme Q10 เสริมในคนที่อายุน้อย การปรับหรือเสริมในกรณีเช่นนี้พบว่ามีส่วนช่วยให้น้องชายกลับมาทำงานได้ดีขึ้น

     2.การทำ shock wave
หากการปรับสมดุลฮอร์โมนหรือเสริมสารอาหารต่าง ๆ ตามที่แพทย์แนะนำแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์อาจจะพิจารณาให้กระตุ้น ด้วยการทำ shock wave
ในผู้ชายที่อายุยังน้อย การกระตุ้นด้วย shock wave จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่วนในผู้ชายที่อายุมาก เมื่อทำการกระตุ้นด้วย shock wave  จะทำให้เซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ (stem cell) ที่อยู่รอบผนังเส้นเลือดของอวัยวะเพศชายเกิดการแบ่งตัวและขยายตัวได้ดีขึ้น เส้นเลือดแข็งแรงขึ้นและการไหลเวียนของเส้นเลือดดีขึ้น
     
     3.การทำ hyperbaric oxygen therapy (HBO)
มีงานศึกษาวิจัยว่า การทำให้ออกซิเจนในร่างกายดีขึ้นโดยการเข้าไปใน Hyperbaric Chamber ประมาณ 10-20 ครั้ง ในคนที่การไหลเวียนเลือดไม่ดี ไขมันในเลือดสูง กินยาลดไขมัน จะทำให้ออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้นและไปยังอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงอวัยวะเพศชาย ได้ดีขึ้น

     4.การรักษาด้วยการใช้ยา
ในคนที่อายุมากอาจจะต้องรักษาด้วยการใช้ยา เวลาที่อวัยวะเพศชายจะแข็งตัวนั้นต้องเริ่มจากสิ่งเร้าภายนอกมากระตุ้นอารมณ์ แล้วส่งไปที่สมองส่วนแกนกลางที่เรียกว่า paraventricular nucleus ซึ่งสมองส่วนนี้ต้องมีฮอร์โมนเพศชายอยู่ เพื่อการตอบสนองที่ดี และจะส่งต่อผ่านระบบประสาทไปที่ศูนย์กลาง หากเป็นเบาหวานต้องควบคุมน้ำตาลให้ดี เพราะจะส่งผลต่อระบบประสาท หากระบบประสาทไม่ดี ระบบการไหลเวียนเลือดก็จะไม่ดีตามไปด้วย  หลังจากนั้นศูนย์กลางประสาทจะส่งสัญญาณไปที่อวัยวะเพศเพื่อให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งต้องการสารอาหารที่ชื่อว่า L-Arginine ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็น nitric oxide เพื่อทำให้เส้นเลือดขยายตัว และเลือดไหลเข้าไปยังอวัยวะเพศ นอกจากนี้วาล์วที่จะกันไม่ให้เลือดรั่วออกก็ต้องทำงานได้ดีด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในอวัยวะเพศชาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก็ขึ้นกับระดับออร์โมนเพศชาย ดังนั้นฮอร์โมนเพศชายจึงมีความสำคัญที่สุด

ในผู้ชายอายุน้อยบางคนอวัยวะเพศที่ขยายหรือแข็งตัวแล้วกลับประสบปัญหา หดตัวเร็ว ในกลุ่มนี้อาจจะต้องให้ยาในกลุ่ม PDE-5 inhibitor (phosphodiesterase type-5 inhibitors) ที่จะช่วยเรื่องการแข็งตัวขององคชาตให้ดีขึ้น  และช่วยยับยั้งอวัยวะเพศไม่ให้เหี่ยวลง

ในกรณีผู้สูงอายุ ที่ประสบปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction -ED)  คือการที่ผนังเส้นเลือดไม่ดี หากสามารถทำให้เส้นเลือดเล็ก ๆ ในผนังเส้นเลือดขยายตัวได้ดี ผนังเส้นเลือดใหญ่ก็จะแข็งแรง ได้สารอาหารและออกซิเจนดีขึ้น เซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ แบ่งตัวดีขึ้น การกินยาในกลุ่ม PDE-5 inhibitor ในปริมาณน้อยทุกวัน จะช่วยคงสภาพของผนังเส้นเลือดให้ดีขึ้น
ผลข้างเคียงของยาในกลุ่ม PDE-5 inhibitor นั้นมักไม่รุนแรงและมักเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ ปวดศีรษะ คัดจมูก อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาหารไม่ย่อย

     5.VSELs การฉีดเซลล์ต้นกำเนิด (stem cell)
กรณีของผู้ชายที่มีอายุมาก รักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ได้ผล อาจใช้การรักษาโดยการแยกเซลล์ต้นกำเนิด (stem cell) ที่ไหลเวียนในกระแสเลือดออกมาทำให้เข้มข้นขึ้น แล้วกระตุ้นให้ออกฤทธิ์ และทำการฉีดไปที่อวัยวะเพศชาย เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศชาย จากนั้นกระตุ้นด้วย shock wave จะสามารถทำให้อวัยวะเพศของผู้สูงอายุกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

     6.P-Shot การฉีดสารสกัด Growth Factor จากเกล็ดเลือด
การฉีดสารสกัด Growth Factor จากเกล็ดเลือด หรือ การรักษาด้วย PRP (Platelet Rich Plasma) ซึ่งเป็นสารสกัดพลาสม่าจากเลือดของตัวเอง ที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงกว่าระดับปกติ โดยในเกล็ดเลือดจะมี Growth factor หรือสารช่วยการเจริญเติบโต ฉีดกระตุ้นอวัยเพศชาย เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง และได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจอีกวิธีหนึ่ง สนใจทำ P-Shot คลิก

นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ อีก เช่น
  • Tesla former คือการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ แก้ปัญหาการหลั่งเร็ว
  • EECP (Enhanced External Counter Pulsation) การใช้เครื่องกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศ ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้เช่นกัน
  • การฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระแสประสาทที่ไปเลี้ยงบริเวณอวัยวะเพศ ส่งผลให้การทำงานและการแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น
  • Supplement อาหารเสริมสูตรเฉพาะ สำหรับผู้ที่ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ที่มีส่วนผสมของ
    • แอลอาร์จีนีน (L-Arginine) กรดอะมิโนที่ช่วยให้การไหลเวียนเลือดที่องคชาตดีขึ้น ทำให้มีเพศสัมพันธ์ได้ดีมากกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชาย
    • โสม (Panax Ginseng) ช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชายได้ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศโดยรวม
    • เปลือกสนฝรั่งเศส (Pycnogenol) ช่วยชะลอความเสื่อมของหลอดเลือดที่องคชาติและเพิ่มประสิทธิภาพของสเปิร์มให้แข็งแรง
สนใจ Vital Men Supplement คลิก
 
การรักษาปัญหาหย่อนสมรรถภาพหรือนกเขาไม่ขัน (Erectile Dysfunction) ต้องทำการรักษาแบบองค์รวม คือการดูแลทุกระบบที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน สมอง และหลอดเลือด แนวทางการรักษานั้นไม่ควรพึ่งยาเพียงอย่างเดียว จะต้องแก้ไขทุกจุดที่มีปัญหา ทั้งในเรื่องของการปรับฮอร์โมน การทำให้หลอดเลือดแข็งแรงและไหลเวียนดีขึ้น รวมถึงการทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ลดความเครียดต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญทั้งหมด ดังนั้นการมาพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ตรวจสุขภาพ ตรวจระดับฮอร์โมนแบบองค์รวม รวมทั้งฮอร์โมนเพศ เพื่อการออกแบบการดูแลรักษาที่ตรงจุด จึงมีความสำคัญในการแก้ปัญหา “น้องชาย” เริ่มไม่สู้ ได้อย่างดีที่สุด
 
ผศ.นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
แบรนด์แอมบาสเดอร์อาวุโส และแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์
 


 
Facebook
Twitter
Link
Line

Our doctors can help.

My default image

Feel Younger . Look Better . Live Longer

Book an appointment

ไม่พลาดข้อมูลข่าวสาร!