บทความ
2023-05-24- 4 ทางออก (ห่าง) จากออฟฟิศซินโดรม
4 ทางออก (ห่าง) จากออฟฟิศซินโดรม
  • การลดอาการออฟฟิศซินโดรม สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนอิริยาบถ และพักสายตา ทุก 1 ชั่วโมง จัดโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้มีความสูงที่เหมาะสม นั่งทำงานให้เต็มก้นและปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตา แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
  • ภาวะขาดหรือพร่องวิตามิน เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดอาการปวดได้ง่าย บ่อย หรือมากกว่าคนที่มีระดับวิตามินอยู่ในระดับปกติ การรับประทานวิตามินเสริมอาจมีความจำเป็น แต่ควรตรวจดูระดับวิตามิน เพื่อที่จะได้ทราบขนาดและระยะเวลาในการรับประทานที่เหมาะสม เพราะการได้รับวิตามินมากเกินไป อาจเป็นพิษต่อร่างกายได้
  • เมื่อร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้การหลั่งโกรทแฟคเตอร์ หรือสารลดการอักเสบต่างๆ ที่มักจะหลั่งออกมาในช่วงที่หลับลึก ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ร่างกายจึงมีอาการปวดเมื่อยได้

ออฟฟิศซินโดรมเรียกได้ว่า เป็นโรคยอดฮิตของพนักงานออฟฟิศไม่ว่าจะในยุคไหน ๆ หากใช้เวลาไปกับการนั่งติดเก้าอี้เพื่อทำงานวันละหลายชั่วโมงโดยไม่เคลื่อนไหว หรือมีการเปลี่ยนอิริยาบถ นำไปสู่อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต่างๆ อาการที่พบได้บ่อย เช่น ปวดคอบ่าไหล่ ปวดหลัง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเอว มือชา ปวดตา เป็นต้น

อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับพนักงานออฟฟิศเท่านั้น แม้แต่วัยรุ่นก็พบได้บ่อยขึ้น จากการใช้เวลาไปกับการก้มดูหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการท่องโซเชียล เล่นเกม หรือดูซีรีส์ ปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดออฟฟิศซินโดรมมาจากท่าทางในการนั่งที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งไขว่ห้าง นั่งหลังค่อม รวมถึงการสะพายกระเป๋าหนักๆ หรือ ยกของหนักเป็นเวลานาน ก็เป็นสาเหตุของออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน

คำแนะนำมาตรฐานในการลดอาการออฟฟิศซินโดรม จึงเป็นไปเพื่อลดความเสี่ยงจากสาเหตุต่างๆ ข้างต้น ซึ่งได้แก่ การลุกเปลี่ยนอิริยาบถ และพักสายตา ทุก 1 ชั่วโมง จัดโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้มีความสูงที่เหมาะสม นั่งทำงานให้เต็มก้น ปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตา หากยังมีอาการปวดอยู่ การมาพบแพทย์กายภาพบำบัดและฟื้นฟู เพื่อลดอาการปวดเรื้อรัง จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้

หากทำตามคำแนะนำต่างๆ ข้างต้นแล้ว ยังคงมีอาการปวดอยู่ ลองทำตามคำแนะนำ หรือหาทางออกด้วยวิธี ดังต่อไปนี้ อาจจะช่วยลดและบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้

ทางออกที่ 1 : การออกกำลังกายเพื่อปรับท่าทางหรือสรีระร่างกาย (Posture)
เนื่องจากหลายท่านมักเข้าใจว่า อาการปวดเหล่านี้มาจากการตึงของกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหา จึงมักให้ความสำคัญกับการนวด ผ่อนคลายมากกว่า ซึ่งก็ไม่ผิด แต่สาเหตุหลักอาจยังไม่ได้รับการแก้ไข หลายครั้งเราพบว่าอาการปวดตึงนั้นมาจาก การใช้กล้ามเนื้อที่ผิด ควบคู่ไปกับความอ่อนแอของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการตึงได้ง่าย ดังนั้นในการรักษาออฟฟิศซินโดรมในระยะยาว จึงจำเป็นต้องมีนักกายภาพบำบัดช่วยดูแล เพื่อวิเคราะห์ว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนมีปัญหา ต้องดูแลกล้ามเนื้อส่วนนั้นให้แข็งแรงมากขึ้น ร่วมกับการใช้งานกล้ามเนื้อให้เหมาะสมในอิริยาบถต่างๆ ซึ่งสิ่งนี้ ไม่สามารถทำให้จบได้ภายในครั้งเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้รับการดูแล ในการมาตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง

ทางออกที่ 2 : วิตามินและแร่ธาตุ
ภาวะขาดหรือพร่องวิตามิน เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดอาการปวดได้ง่าย บ่อย หรือมากกว่าคนที่มีระดับวิตามินอยู่ในระดับที่เหมาะสม ตัวอย่างวิตามินที่มีผลกับอาการปวด เช่น
  • วิตามินดี มีความสัมพันธ์ต่อความแข็งแรงและมีส่วนช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ การจะได้รับวิตามินดีที่เพียงพอนั้น นอกจากการรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินดี เช่น เห็ด ปลาแซลมอน ยังจำเป็นที่จะต้องให้ร่างกายได้รับแสงแดดเป็นระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที ต่อวัน ทั้งนี้แสงแดดควรเป็นแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า หรือช่วงเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากรังสี UV เพราะแทนที่จะได้รับวิตามินดี อาจจะได้ฝ้า กระ ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า หรือมะเร็งผิวหนังมาแทนการรับประทานวิตามินดีเพื่อเป็นอาหารเสริมในปริมาณที่สูง ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจดูระดับวิตามินดีเสียก่อน แพทย์จะได้กำหนดขนาดและระยะเวลาในการรับประทานวิตามินที่เหมาะสม เพราะการได้รับวิตามินที่มากเกินไป อาจเป็นพิษต่อร่างกายได้เช่นกัน
  • แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดี เราสามารถได้รับแมกนีเซียมจากการรับประทานผักใบเขียวเข้ม อาทิ ผักคะน้า ผักปวยเล้ง กล้วยน้ำว้า ถั่วต่างๆ หากมีอาการของโรคกระเพาะ หรือมีการรับประทานยาเป็นประจำ เช่น ยาลดกรด ก็อาจส่งผลให้การดูดซึมแร่ธาตุลดลงได้
นอกจากนั้นแล้วยังมีธาตุเหล็ก และกรดอะมิโนต่างๆ ที่เกิดการพร่องหรือขาด จะมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน

ทางออกที่ 3 : สมดุลของฮอร์โมน