การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน : ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนที่ควรรู้ก่อนใช้

เทสโตสสเตอโรน หรือ Testosterone เป็นฮอร์โมนที่รับบทบาทสำคัญเมื่อเกี่ยวข้องกับสุขภาพของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนขับเคลื่อนทั้งพลังงานและสมรรถนะของร่างกายรวมทั้งสมรรถภาพทางเพศ การไม่สมดุลของฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ทั้งบุรุษและสตรีที่เกิดการพร่องฮอร์โมนโดยเฉพาะเมื่อพ้นวัย 40 ปีไปแล้ว รู้สึกหงุดหงิด กระดากอาย และหดหู่อย่างมากเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันของตน โชคดีที่มีวิธีซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มระดับเทสโตสสเตอโรนโดยการบำบัดด้วยการใช้ฮอร์โมนทดแทน หรือ Testosterone therapy

• พื้นฐานของเรื่องนี้
• การเพิ่มปริมาณของฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรน
• ผมอายุ 40 แล้ว และมีความต้องการทางเพศต่ำ Testosterone therapy  เป็นการบำบัดที่ใช่สำหรับผมหรือไม่
• อะไรคือความเสี่ยง

พื้นฐานของเรื่องนี้

ฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนถูกสร้างขึ้นที่ลูกอัณฑะของผู้ชาย และรังไข่ของผู้หญิงแต่จะมีการผลิตในปริมาณน้อยโดยต่อมหมวกไตของทั้งสองเพศ เทสโตสสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศตัวหลักของผู้ชาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาของลักษณะเฉพาะของเพศชาย อันได้แก่เส้นผมและขน กล้ามเนื้อ เสียงทุ้ม  ในผู้หญิง เทสโตสสเตอโรนจะถูกเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ที่รังไข่เป็นฮอร์โมนเพศหญิงเอสตร้าไดออล (Oestradiol)

ระดับของฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนจะลดลงเมื่อเรามีอายุเพิ่มขึ้น และผลกระทบทางเพศสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เพียงสมรรถนะทางเพศที่ลดลงเท่านั้น แต่รวมถึงอารมณ์แปรปวน การเพิ่มขึ้นของไขมันในร่างกาย การสูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ผมร่วง ผิวแห้ง และ  สมาธิลดลง ระดับฮอร์โมนเทสโตสเตอโรนมักจะเริ่มลดลงเมื่ออายุราว 40 ปี ทำให้เกิดอาการต่างๆที่เป็นผลมาจากการพร่องฮอร์โมนดังกล่าวข้างต้น

การเพิ่มปริมาณของฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรน

การเสริมฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนด้วยฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฮอร์โมนธรรมชาติในร่างกาย ( Bioidentical testosterone therapy) เป็นวิธีการเฉพาะในการบำบัดด้วยฮอร์โมน ที่ใช้รักษาผู้ป่วยซึ่งขาดฮอร์โมนตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ  มีผู้ชายวัยเกิน 40ปี จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่แสวงหาการเพิ่มฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนของพวกเขาในรูปแบบของยาเม็ด เจลทา และยาฉีด เพื่อ ปรับสมดุลย์ของฮอร์โมนเพศในร่างกายเพื่อที่จะมีสุขภาพดีและมีสมรรถภาพทางเพศที่สมบูรณ์

ผมอายุ 40 แล้ว และมีความต้องการทางเพศต่ำ Testosterone therapy  เป็นการบำบัดที่ใช่สำหรับผมหรือไม่

คำตอบสั้น ๆ คือ: ค่อนข้างเป็นไปได้ว่าใช่ แต่สิ่งสำคัญคือการได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องก่อนเป็นอันดับแรก อายุนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 40-50 ปี การทดสอบอาจแสดงให้เห็นว่าระดับเทสโตสสเตอโรนของคุณค่อนข้างปกติ ซึ่งบ่งบอกว่าแรงกระตุ้นด้านเพศที่ต่ำมีสาเหตุจากสิ่งอื่น เช่น ยาตามใบสั่งแพทย์ ปัญหาความสัมพันธ์ การไหลเวียนของเลือดที่ช้าลง ในทางตรงข้าม ผู้ชายวัยเกิน 60 ปีที่ประสบกับความต้องการทางเพศต่ำ ส่วนใหญ่เป็นผลจากฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนต่ำ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า 70% ของผู้ชายวัยเกิน 70 ปี ผลิตฮอร์โมนเพศชายไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความกระตือรือล้นทางเพศได้

นายแพทย์พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์และผู้ให้คำปรึกษาด้านการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน ศูนย์สุขภาพไวทัลไลฟ์กรุงเทพ (Vitallife Wellness Center) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนสามารถให้ผลดีมาก แต่เราต้องเข้าใจว่านี่คือส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่เป็นการใช้ฮอร์โมนเพื่อเซ็กซ์ที่ดีขึ้นแต่อย่างเดียว “การบำบัดด้วยฮอร์โมนไม่ใช่การบำบัดเพียงครั้งเดียวแล้วใช้ได้ตลอดไป” นายแพทย์พันธ์ศักดิ์กล่าว “ดังนั้นหากคุณคาดหวังผลลัพธ์ในทันทีคุณจะผิดหวัง สิ่งนี้คือการบำบัดต่อเนื่องที่จะเป็นการสร้างประโยชน์อันยั่งยืน ซึ่งจะทำให้เกิดผลที่ดียิ่งกว่าแค่การปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศ แต่ยังช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ กำจัดไขมัน และปรับปรุงสมาธิและทำให้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”

อะไรคือความเสี่ยง

การศึกษาในระยะยาวของการใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนบางชนิดแสดงให้เห็นว่า ผู้ชายที่ใช้ฮอร์โมนเทสโตสสเตอโรนจะได้รับการปกป้องอย่างแท้จริงจากความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองตีบ แม้ว่าจะไม่มีการศึกษาโดยตรงที่ แสดงให้เห็นการเชื่อมโยงระหว่างการเกิดเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากกับระดับเทสโตสสเตอโรนที่สูงขึ้น แต่เพื่อความปลอดภัยก้ไม่ควรที่จะลองใช้เองหรือต้องเลือกฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เหมาะสม

นายแพทย์พันธ์ศักดิ์มีคำแนะนำที่ฟังดูเข้าท่าสำหรับผู้สนใจการบำบัดด้วยการฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนว่า “ลองไปพบแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ในการรักษาและการใช้ฮอร์โมนเพื่อปรึกษาหาความรู้ความรู้ก่อนที่จะทำการทดสอบ จากนั้นให้ค้นหาทางเลือกในการดูแลรักษาที่ถูกต้องสำหรับตัวเอง ในขณะที่การบำบัดนี้ปลอดภัยมาก แต่การบำบัดด้วยการทดแทนฮอร์โมนไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายบางอย่างสามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน”